วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ขอแสดงความยินดี

ขอแสดงความยินดีกับป.บัณฑิตวิชาชีพครู รุ่น 10 ทุกท่าน

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วันมาฆบูชา



ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค่ำ เ ดื อ น ๓

มงคลที่ ๘.การรอบรู้ในศิลปะ

๏ ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ

ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี

มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี

ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.

"มาฆะ" เป็นชื่อของเดือน ๓ มาฆบูชานั้น ย่อมาจากคำว่า"มาฆบุรณมี" แปลว่าการบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน ๓ วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ แต่ถ้าปีใดมีเดือน อธิกมาส คือมีเดือน ๘ สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ในวันพุทธศาสนา คือวันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" และเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง โอวาทปฎิโมกข์ แก่พระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก ณ เวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ เพื่อให้พระสงฆ์นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อจะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป


คำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" แยกศัพท์ได้ดังนี้ คือ "จาตุร" แปลว่า ๔ "องค์" แปลว่า ส่วน "สันนิบาต" แปลว่า ประชุม ฉะนั้นจาตุรงคสันนิบาตจึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ ๔" กล่าวคือมีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ คือ

๑. เป็นวันที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย
๒. พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
๓. พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผุ้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์
๔. เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงกำลังเสวยมาฆฤกษ การปฎิบัติตนสำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ การทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัด ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคืน จะพากันนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันทำพิธีเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ พร้อมกับพระภิกษุสงฆ์โดยเจ้าอาวาสจะนำว่า นะโม ๓ จบ จากนั้นกล่าวคำ ถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วนำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่ทางวัด เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธี
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา
๑. ทำบุญใส่บาตร
๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม และฟังพระธรรมเทศนา
๓. ไปเวียนเทียนที่วัด
๔. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ตำรับ...ขนมไทย


ตะโก้แห้ว
ส่วนผสม
แห้วต้มหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
น้ำดอกไม้ 2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ใส่น้ำลอยดอกไม้ในแป้งข้าวเจ้าทีละน้อยนวดจนแป้งนุ่ม แล้วใส่น้ำลอยดอกไม้ลงไป ให้แป้งละลายหมด จนเข้ากันดี
2. ใส่แป้งที่ละลายไว้ลงในกระทะทอง ใส่น้ำตาลทราย ตั้งไฟกวนจน แป้งสุกข้น
3. ใส่แห้วทีหั่นไว้ลงกวนให้เข้ากัน
4. ทำหน้าขนมดดยละลายแป้งข้าวเจ้ากับหัวกะทิใส่น้ำตาลทรายลงคนให้เข้ากันกวนด้วยไฟอ่อน พอแป้งสุกยกลง
5. ตักตัวขนมใส่กระทงหรือถาดแล้วหยอดหน้าขนมลงไปขณะที่หน้าขนมยังร้อนอย่ปล่อยพักไว้ให้เย็น แล้วจัดใส่ภาชนะ

ข้าวเหนียวแก้ว


ข้าวเหนียวแก้ว
ส่วนผสม
ข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำใบเตย 1/2 ถ้วยตวง
น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ซาวข้าวเหนียวให้สะอาดวางลงบนรังถึงที่ปูด้วยผ้าขาวบาง ตั้งบนน้ำเดือด นึ่งจนข้าวเหนียวสุก
2. ใส่น้ำใบเตยผสมกับหัวกะทิคนให้เข้ากับน้ำปูนใส แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางใส่เกลือป่นคนให้เกลือละลาย ใส่ชามอ่างใบใหญ่ๆ
3. เมื่อข้าวเหนียวสุกดีตักข้าวใส่ชามกะทิเคล้าเร็วๆ ให้ข้าวเหนียวคลุกกับกะทิให้ทั่วปิดปากชามไว้ประมาณ 10-20 นาที ให้ข้าวเหนียวอมน้ำไว้จนกะทิแห้ง
4. ใส่น้ำตาลลงในข้าวเคล้าเบาๆ ให้ทั่วกัน แล้วเทใส่กระทะทองตั้งไฟอ่อนๆ คลุกจนน้ำตาลละลายจับเม็ดทั่วยกลงจากเตา จัดใส่ภาชนะให้สวยงาม

ขนมทราย


ขนมทราย
ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
น้ำดอกไม้ 2 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 1/2
มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้นๆ
วิธีทำ
1. วดแป้งกับน้ำดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง ใช้ผ้าขาวบางบิดหมาดคลุมไว้
2. มน้ำตาลทราย กับน้ำดอกไม้ให้เดือด กรองให้สะอาด พักไว้ให้เย็น
3. ยีแป้งที่นวดไว้บนกระชอนลวด แล้วยีซ้ำอีกครั้ง ให้แป้งลงในรังถึงที่ปูด้วยผ้าขาว บางไว้แล้ว
4. นำแป้งที่ยีได้นึ่งในน้ำเดือดประมาณ 45 นาที จนแป้งสุกคอยระวังอย่าให้น้ำแห้งพอแป้งสุก เทใส่ชามผสมน้ำพักไว้ให้เย็น
5. เทน้ำเชื่อมที่เย็นแล้วลงในชามแป้งคนเร็วๆ ให้ทั่ว พักไว้ประมาณ 10 นาที ใช้ซ้อมยีให้แป้

6. กระจาย เนื้อละเอียดฟูดี จึงอบด้วยดอกมะลิหรือเทียนอบไว้ 1 คืน
เสริฟกับมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยเป็นเส้นๆ

กระเช้าสีดา


กระเช้าสีดา
ส่วนผสม
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
น้าเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
น้ำดอกไม้ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. นวดแป้งสาลีกับน้ำมันพืชให้เข้ากันใส่ไข่แดงลงนวดทีละฟองนวดจนแห้งเนียนนิ่มใช้ผ้าขาวบาง ชุบน้ำบิดหมาดๆคลุมพักไว้ประมาณ 10-15 นาที
2. แบ่งแป้งที่ละน้อยกดลงพิมพ์กระเช้าใส่ถาดนำเข้าอบไฟกลางจนแป้งสุกยกลงพักไวให้เย็น
3. ผสมน้ำทรายน้ำลอยดอกไม้ ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนตาลทรายละลายเหนียวจนเป็ยยางมะตูมใส่มะพร้าวลงคลุกกับน้ำเชื่อมให้ทั่ว กันจนน้ำเชื่อมแห้ง
4. ตักมะพร้าวใส่ลงในกระเช้าจัดให้สวยงามแล้ววางผึ่งลมให้แห้งแล้วจึงจัดใส่ภาชนะ

ขนมนำดอกไม้

ขนมน้ำดอกไม้

ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า 1 1/4 ถ้วยตวง
แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
1. ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งท้าวฯ เข้าด้วยกันใส่น้ำลอยดอกมะลิทีละน้อยนวดจนแป้งเข้ากันดี
2. ผสมน้ำกับน้ำตาลตั้งไฟเคี่ยวน้ำเชื่อม แล้วใส่ลงในแป้งนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3. เรียงถ้วยตะไลในรังถึง นึ่งด้วยไฟแรงจนน้ำเดือดร้อนจัดจึงตักแป้งหยอดลงในถ้วยตะไลให้เต็มถ้วย ปิดฝานึ่ง ต่ออีกประมาณ 10 นาที เมื่อขนมสุกดียกลงพักไว้ให้เย็นแคะขนมออกจากถ้วย